Sleep with Bee free Wi-Fi [CrisBee]
วันหยุดน่าเบื่อ ไวไฟเสีย และผู้หญิงในชุดเดรสดำ #คริสบีฟรีไวไฟ
ผู้เข้าชมรวม
4,879
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Sleep with bee free Wi-Fi
Celine x Namthip
วันนี้วันเสาร์
วันที่มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆอย่างเธอควรจะได้พักผ่อนหลังจากทนกับสัปดาห์นรกแตกมาตลอดห้าวัน
บี-น้ำทิพย์ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นนอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงแม้นาฬิกาจะบอกเวลาบ่ายสองโมงกว่า มันผ่านไปเกินครึ่งวัน แต่บีก็ยังใช้ห้านาทีหลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาไปกับการบิดขี้เกียจและขยี้ตาให้หายง่วง ก่อนจะพาร่างสูงกว่า178เซนติเมตรของตัวเองเดินเอื่อยๆไปยังอ่างล้างหน้า วักน้ำขึ้นมาแล้วลูบหน้าช้าๆอย่างไม่รีบร้อนนัก—เธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องรีบ
คิดเอาไว้ว่าวันนี้จะนอนตากแอร์เล่นเกมทั้งวัน
บีในวัยสามสิบต้นๆกับชีวิตประจำวันที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าตื่นนอน-กิน-และทำงาน สังสรรค์กับเพื่อนบ้างบางเวลาเท่าที่มีโอกาส แต่ก็มักไม่ค่อยได้รับโอกาสนั้นเท่าไหร่นักตราบใดที่งานกองโตบนโต๊ะยังเคลียร์ไม่หมด มันเยอะ...จนบางทีบีก็สงสัยว่าหัวหน้าฝ่ายเจาะจงให้งานเธอแค่คนเดียวหรือเปล่า?
แต่ครั้งนี้เป็นอาทิตย์แรกที่บีเคลียร์งานได้หมดและไม่ต้องเอากลับมาทำที่คอนโดแบบทุกครั้ง นั่นเท่ากับว่ามีเวลาว่างสองวันสำหรับพัก ก่อนที่จะต้องกลับไปเริ่มสัปดาห์การทำงานใหม่อีกครั้งในวันจันทร์
บีเดินออกมานั่งที่โซฟา—จริงๆควรใช้คำว่ากระโดดขึ้นไปนั่ง พลางหยิบโน๊ตบุ๊คลูกรักขึ้นเปิด เคาะแป้นเล่นอยู่ซักพักหน้าจอก็สว่างวาบ รอให้เครื่องเซ็ตตัวซักพักแล้วจึงลากเม้าส์คลิ๊กเข้าต่อรหัสไวไฟ มือบางรัวแป้นพิมพ์รหัสอย่างไว
แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นมากลับไม่ตรงตามที่คิดเท่าไหร่นัก
‘there is no internet connection’
พร้อมกับรูปไดโนเสาร์ขาวดำโง่ๆตัวหนึ่งหลังจากบีเปิดหน้าchrome
เจ้าของโน๊ตบุ๊คขมวดคิ้วแล้วคลิกเข้าไปตั้งค่าใหม่ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ดูเหมือนมันจะไม่เป็นผล เงยหน้ามองกล่องสัญญาณที่ติดไว้ตั้งแต่ย้ายมาแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจด้วยอารมณ์หงุดหงิด
ตัดใจเดินออกไปสงบสตินอกระเบียงก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นกดเบอร์ประชาสัมพันธ์ให้เรียกช่าง อาจจะเป็นคราวเคราะห์ร้ายของเธอเมื่อปลายสายตอบรับกลับมาว่าสามารถมาซ่อมให้ได้ไวสุดคือเย็นวันพรุ่งนี้
เท่ากับว่าตลอดวันหยุดพักผ่อนของเธอจะไม่มีเน็ตให้ใช้
โอ้ย อยากจะบ้าตาย...
บีวางสายจากช่างด้วยอารมณ์หัวร้อนเต็มที แขนยาวๆเท้าเข้ากับรั้วกั้นระเบียงพลางทอดสายตามองวิวเมืองกรุงจากมุมสูงเรื่อยเปื่อยแก้เซ็ง จนกระทั่งเผลอเหลือบไปมองริมระเบียงโล่งๆฝุ่นจับของห้องด้านข้างที่อยู่ติดกัน
แว่บหนึ่งที่เธอคิดอยากจะเดินไปเคาะประตูห้องข้างๆแล้วขอรหัสไวไฟเขามาใช้
แต่ก็คงจะนก
บีส่ายหัวเมื่อพยายามนึกถึงความทรงจำน้อยนิดเกี่ยวกับคนห้องข้างกัน ราวกับมันเป็นห้องร้างไร้ซึ่งคนอยู่ แม้จะอยู่คอนโดนี้มาเกือบหกเดือน แต่เธอก็แทบจะไม่เห็นหรือไม่ได้ทำความรู้จักกับ’หล่อน’เลยซักครั้ง
—ผู้หญิงกลางคืน— บีแอบตั้งฉายานี้ให้ตามข้อมูลเล็กๆน้อยๆที่รู้มา
หนึ่งคือหล่อนเป็นผู้หญิง
และสองคือหล่อนทำงานกลางคืน
ส่วนมากเรามักจะคลาดกันในตอนเช้าที่บีออกไปทำงาน และหล่อนเพิ่งกลับมาจากทำงานเสร็จ แม้จะไม่รู้ว่างานกลางคืนที่ว่านั้นคืออะไร แต่บีมักจะได้เห็นแค่แผ่นหลังเนียนสวยและผมสีน้ำตาลประบ่าของหล่อนยามเปิดประตูเข้าห้องไป หรือจะให้พูดตามตรงก็คือไม่เคยเห็นหน้ากันแม้แต่ครั้งเดียว
ละสายตาจากระเบียงร้างๆของห้องติดกันกลับมาโฟกัสที่เรื่องตัวเองต่อ บีเม้มปากอย่างชั่งใจ อยากจะชวนเพื่อนและพี่ไปปาร์ตี้ แต่ไม่ว่าจะโทรหาซักกี่คน สิ่งที่ได้รับมาส่วนใหญ่กลับเป็น ‘ไม่ว่าง..อยู่กับแฟน’ หรือหนักหน่อยก็ ‘เลี้ยงลูกอยู่ ขอโทษนะ’
โอเค ยอมแพ้
แต่เธอไม่มีทั้งแฟนและลูก—ไม่มีแม้แต่คนไปปาร์ตี้ด้วยกัน ให้ตายเถอะ
บีกรอกตา ก้มลงมองนาฬิกาในโทรศัพท์ เวลาเริ่มเย็นลงไปทุกที เลยพาขายาวๆกลับเข้ามาในห้องก่อนจะทิ้งตัวลงโซฟากดโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย เข้าไปเล่นมันทุกเกมเท่าที่จะมีในเครื่อง
นั่งเล่นไปซักพักถึงได้รู้สึกว่ามันน่าเบื่อ
แค่อยากหาอะไรสนุกๆทำในวันหยุดที่นานๆจะได้รับทีนึง
ในเมื่อไม่มีคนไปด้วย
งั้น...ไปคนเดียวก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร
บีมาถึงผับย่านทองหล่อในเวลาทุ่มกว่า สภาพจราจรในกรุงเทพยังคงติดหนึบเหมือนเดิมแม้เป็นเย็นวันเสาร์ ร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบในชั้นในสีดำคลุมทับด้วยเชิ้ตขาวตัวโคร่งและกางเกงยีนส์ขาสั้น—ล่อตาล่อใจพอสมควร แม้บีจะรู้สึกว่าชุดมันธรรมดานิดหน่อยด้วยเพราะในตู้มีอยู่แค่นั้น แต่ความธรรมดาของชุดและสีหน้าเรียบนิ่งไม่รับแขกของเธอกลับดึงดูดความสนใจผู้คนในผับตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา
อาจจะเพราะหน้าตาคมสวย สันจมูกโด่ง และกระน้อยๆบนใบหน้า รวมถึงรูปร่างเพรียวยาวที่ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจ เคยโดนรุ่นพี่ที่ทำงานทักอยู่บ่อยว่าเป็นดารา หรือไม่ก็เคยเดินแบบหรือเปล่า
แน่นอนว่าไม่เคย
บีเป็นคนธรรมดา และใช้ชีวิตธรรมดามาตลอดสามสิบกว่าปี มีบ้างในบางช่วงชีวิตที่มีใครซักคนผ่านเข้ามาให้ความสุขกับเธอ ที่ส่วนมากมักจะกลายเป็นความทุกข์ในเวลาต่อมา
อาจจะเพราะฝังใจกับอดีตแย่ๆ—บีเลยไม่ชอบผู้ชาย
ไม่ถึงกับเกลียด เพียงแต่ไม่ชอบสายตาราวกับจะกลืนกินเหมือนที่กำลังโดนมองอยู่ตั้งแต่เดินจากทางเข้ามาถึงเค้าท์เตอร์ เธอเลยทำได้แค่เพียงถอนหายใจ สั่งเครื่องดื่มประจำแล้วก้าวเท้ายาวๆเดินขึ้นไปโซนVIPชั้นลอยบนสุดของร้านอย่างเร็วที่สุด
โชคดีที่เจ้าของที่นี่เป็นเพื่อนของเพื่อนเธออีกทีหนึ่งแม้จะไม่รู้จักกันโดยส่วนตัว โซนวีไอพีค่อนข้างสงบกว่าข้างล่าง บีเลยสามารถใช้เวลาอยู่เงียบๆกับตัวเองได้อย่างไม่ต้องกังวลว่าจะมีสายตาแปลกๆจ้องมองมา
บีเท้าคางกับระเบียงเหมือนที่ชอบทำ ยืนมองภาพผู้คนสนุกกับเสียงเพลง กลางฟลอร์มีทั้งหญิงสาวและชายหนุ่มหลายคู่ขยับร่างกายโชว์ลีลาปลดปล่อยอย่างสุดเหวี่ยง หากกรุงเทพคือเมืองที่ไม่เคยหลับ—ดูเหมือนผู้คนก็คงจะเป็นเช่นเดียวกัน
มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับภาพด้านล่างโดยไม่ได้สนใจรอบข้าง จนกระทั่งสัมผัสได้ถึงแรงสะกิดเบาๆที่ไหล่ถึงได้หันไปมอง หญิงสาวในชุดเดรสสายเดี่ยวดำสั้นกุดกำลังส่งยิ้มบางมาให้เธอ ในมือมีไวน์แดงที่ถูกดื่มไปเพียงครึ่งแก้วอยู่ หล่อนหน้าแดงนิดๆแต่ก็ยังดูมีสติดี
“ไม่ลงไปเต้นกับคนอื่นเขาล่ะคะ?” หล่อนถาม—คิดว่าหล่อนคงถามเธอเพราะชั้นบนไม่มีใครอีกแล้วนอกจากเราสองคน
“ไม่ล่ะค่ะ ฉันชอบอยู่เงียบๆเหนือความวุ่นวายแบบนี้มากกว่า” บีหัวเราะแล้วกล่าวติดตลก “รู้สึกเหมือนชนะทุกคน”
หล่อนอมยิ้มน้อยๆตอบกลับพลางเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ทั้งสองยืนอยู่ข้างกันท่ามกลางความโล่งว่างของพื้นที่—แต่บีกลับไม่ได้อึดอัดแม้อีกฝ่ายเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบเจอ ตรงกันข้าม ดูท่าจะดีเหมือนกัน อย่างน้อยมันก็ไม่น่าเบื่อ
“มาคนเดียวหรอคะ?”
“ค่ะ ชวนแล้วไม่มีใครว่างเลย” บีว่าพลางยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม “ที่จริงก็อยากนอนอยู่คอนโดมากกว่า แต่ไวไฟเสียน่ะค่ะ กว่าจะซ่อมเสร็จก็คงพรุ่งนี้ อยู่เฉยๆมันน่าเบื่อฉันเลยออกมาหาอะไรทำ”
“ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณไหม รบกวนไปรึเปล่าคะ”
“ไม่เลยค่ะ ฉันยินดี” เธอยิ้มหวาน และอาจจะเริ่มหวานเยิ้มขึ้นเรื่อยๆจากฤทธิ์แอลกอฮอลล์ บทสนทนาดำเนินไปเรื่อยๆพร้อมกับความใกล้ชิดที่มากขึ้น แอลกอฮอลล์เป็นสื่อกลางช่วยให้เธอและหล่อนคุยกันได้อย่างถูกคอ บีเริ่มเมาเมื่อเข้าสู่แก้วที่สาม และอีกฝ่ายกระดกลงคอเป็นแก้วที่สี่
“คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อเลย ฉันบีนะคะ คุณ..?” เว้นจังหวะให้อีกคนแนะนำตัว แต่หญิงสาวกลับเอาแต่ปิดปากเงียบ ริมฝีปากสีแดงเชอร์รี่ยกยิ้มขึ้นน้อยๆ หล่อนวางแก้วลงกับโต๊ะแล้ววาดแขนคล้องคอเธอ เขย่งปลายเท้าขึ้นกระซิบข้างๆหูด้วยเสียงแหบเสน่ห์ของเจ้าตัว
“อยากรู้จักชื่อฉันหรอคะ...จูบฉันสิ”
บีเกือบจะสร่างเมายามฟังประโยคนั้นจบ ตาคมลอบมองหน้าหล่อนอย่างชั่งใจ ใบหน้าขาวเนียนออกไปทางเชื้อสายจีน แก้มหล่อนเริ่มแดงพอๆกับปาก—บีคิดว่าคนตรงหน้าคงจะดื่มมากไปถึงได้พูดแบบนั้น
“ฉันว่าคุณเมาแล้วล่ะ”
“ไม่ปฏิเสธค่ะ แต่คุณเองก็เมา ฉันรู้” หญิงสาวสวนกลับก่อนจะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายสัมผัสได้ถึงลมหายใจกันและกัน ยิ่งบีเบือนหน้าหนี หล่อนยิ่งยึดคอเขาไว้แน่นขึ้นเท่านั้น “ก็แค่ลองดู ไม่เห็นยากเลยนี่คะ...หรือคุณไม่เคยจูบ?”
บีเม้มปาก แต่ก็ยังตอบไปตามตรง “ไม่เคยค่ะ”
“ดีค่ะ งั้นฉันสอนคุณเอง—จูบสิ”
“คุณพูดเองนะ” บีสูดหายใจลึก อาจจะเพราะแอลกอฮอลล์ที่มีอยู่ในตัวทำให้ความกล้าสูงเกินขีดปกติ เธอจับไหล่บางไว้ ประกบปากตัวเองลงกับปากอีกคนอย่างไวแล้วถอนออก
มันเป็นแค่ปากสัมผัสกัน หล่อนยังไม่พอใจ
“พอรึยั....อื้อ!”
หญิงสาวเป็นฝ่ายดึงรึมฝีปากบางชมพูตรงหน้าเข้ามาประกบใหม่อีกรอบ พลางขบเม้มอย่างเอาแต่ใจ “อืม..ไม่พอ” จูบย้ำซ้ำๆอยู่แบบนั้นไม่ปล่อยให้อีกคนได้หายใจ กลิ่นและรสไวน์อ่อนๆเจือจางในรสจูบ จากหวานเนิบแผ่วเบาเริ่มร้อนไปด้วยอารมณ์ที่ประทุ มันร้อนแรงและอันตราย หล่อนผละออกมาในวินาทีสุดท้ายที่รู้สึกว่าร้อนจนทนไม่ไหว
ต่างฝ่ายต่างหอบเหนื่อยพอกัน ริมฝีปากเปื้อนไปด้วยลิปสติกสีเข้ม เหงื่อผุดซึมตามร่างกายทั้งที่แอร์ในร้านเปิดอุณหภูมิต่ำจนควรจะหนาว ทั้งสองทำเพียงแค่จ้องหน้ากัน
“คริสค่ะ” ร่างเล็กในเดรสดำเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ—ปนเสียงหอบ “ฉันชื่อคริส”
“บอกฉันทำไมคะ”
“ฉันบอกคุณตามสัญญา”
“ที่ฉันถามชื่อคุณน่ะหรือ”
“ค่ะ เผื่อว่าคุณจะอยากรู้จักฉัน”
“อร่อยดีนะคะ” บีพูดยิ้มๆพลางยกนิ้วเกลี่ยรอยเปื้อนตรงริมฝีปากออก “ฉันหมายถึงไวน์—จากปากคุณ”
คริสเพียงแค่ยิ้มมุมปากตอบกลับมา
“อืมม แล้วถ้าฉันอยากรู้เพิ่มอีก” เธอยกไวน์ที่เหลืออยู่ขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว “ฉันต้องจูบคุณอีกกี่ครั้งคะ?”
คริสหัวเราะในลำคอหลังจากจบประโยค ก่อนจะดันตัวบีถอยหลังไปให้แนบกับกำแพง หล่อนค้ำมือไว้ไม่ให้หนีไปไหน แล้วเลื่อนหน้าเข้ามากระซิบที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “..จนกว่าคุณจะพอใจค่ะ..”
“งั้นคุณสอนฉันเองเลย—จูบสิ” บีย้อนประโยคก่อนหน้าซ้ำเพียงแต่เปลี่ยนคนพูดใหม่ อีกฝ่ายอมยิ้ม เธอเองก็อมยิ้ม เรายิ้มให้กันตามด้วยริมฝีปากที่สัมผัสกันอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” คริสบอก ทั้งที่จมูกยังคลอเคลียอยู่กับซอกคอขาวๆของอีกคน “ขอรู้จักมากกว่านี้จะอนุญาตไหม...คุณบี”
“ที่ห้องฉันได้มั้ยคะ อืม..ที่นี่โจ่งแจ้ง อ๊ะ ก..เกินไป อย่ากัดสิคุณคริส!” แหวใส่อย่างไม่จริงจังนักเมื่อคนตัวเล็กกว่าฝังเขี้ยวลงมาริมๆซอกคออย่างแรง คริสยอมผละออก แต่รอยแดงยังคงอยู่
“แน่ใจแล้วหรอคะ กับคนที่ไม่เคยมีจูบแรกอย่างคุณ”
“ก็คุณไงคะจูบแรกของฉัน” สายตาบีวูบไหวอยู่แว่บหนึ่ง แต่เธอยังเอ่ยต่อ “ให้พูดตามตรง ฉันถูกใจคุณ และไม่รู้ว่าคุณคิดเหมือนกันไหม แต่ถ้ามันไม่โอเค—คุณจะถือว่ามันเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ก็ได้”
“แม้ว่าในความเป็นจริงคุณอาจจะแค่อยากลอง?”
“ไม่รู้สิคะ ก็อาจจะแบบนั้น ต่อให้ดูจะเร็วไปหน่อยก็เถอะ” บีสบตาหล่อน สมองโล่งว่างไปหมด นึกเพียงแค่คงเมาไม่ก็อารมณ์พาไป “แต่คุณกำลังดึงดูดฉัน รู้ตัวไหม”
“หืม..ยังไง”
“สายตาคุณ ริมฝีปากคุณ รอยยิ้มคุณ แล้วก็เสียงแหบๆของคุณ—ทุกอย่างเลยมั้งคะ”
“คุณก็เหมือนกัน” คริสตอบ อาศัยจังหวะที่อีกคนเผยอปากพูดโน้มหน้าเข้าหาแล้วบดกลีบปากร้อนผ่าวของตัวเองลงไป ขบเบาๆเข้าที่ริมฝีปากล่างอย่างหยอกล้อ คราวนี้บีตอบรับได้ดีกว่าเดิม ปลายลิ้นอ่อนนุ่มเกี่ยวกระหวัดกันอย่างไม่มีใครยอมใคร ดูเหมือนแค่จูบเดียวคงไม่พอ มือบางแสนซนเลยสอดเข้าไปใต้เสื้อเชิ้ตตัวบางของคนตรงหน้า ลากนิ้ววนอยู่ตรงช่องท้องจนเจ้าตัวส่งเสียงประท้วงออกมา
“อ..อา คุณคริส”
“ว่าไง”
เสียงทุ้มสั่นอย่างห้ามไม่อยู่ บีปรือตาขึ้นมองทั้งที่ร่างแทบอ่อนระทวยลงไปกองกับพื้น “อย่าทำ..ต ตรงนี้”
“คอนโดคุณ หรอคะ?” หล่อนละจากไหล่ขาวเนียนแล้วช้อนตามอง ฝ่ายนั้นพยักหน้าคริสเลยคว้ากระเป๋ามาสะพายไวกับตัว “ตกลงค่ะ บอกทางฉันด้วยนะ”
ทั้งสองคนมาถึงคอนโดหลังจากนั้นไม่นาน บีไม่รู้ว่าหล่อนเช็คบิลออกจากผับตอนไหนด้วยเพราะสติยังกลับเข้าร่างมาไม่เต็ม เลยทำได้แค่ประคองตัวเองที่เดินเซๆเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับแล้วทำหน้าที่บอกทาง ทั้งที่ใบหน้าและตามตัวยังแดงระเรื่อจากสัมผัสก่อนหน้า
“ใจเย็นๆ..” ได้ยินเสียงแหบพูดขึ้นเบาๆเมื่อเธอเริ่มเมาจนเดินไม่ไหว บีเดินเอียงจนต้องยึดไหล่บางของคริสเกาะเอาไว้ยามเดินเข้าลิฟต์ แต่เหมือนจะมือหนักไปหน่อย สายเดี่ยวเดรสดำเลยหลุดลงมาเสียข้างหนึ่งเผยให้เห็นผิวขาวๆของเจ้าตัว “อย่าเพิ่งสิคะ..เด็กดี ชั้นไหน ห้องอะไรหื้ม?”
บีขมวดคิ้วให้กับสรรพนามที่ถูกเรียก “ชั้น4 ห้อง407 แล้วก็—ฉันไม่เด็กซะหน่อย”
“407หรอ..” หล่อนพึมพำเบาๆก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “น่าสนใจ”
“คะ?”
“ฉันบอกว่าคุณน่าสนใจดี” พูดพลางก้าวเท้าพาตัวเองกับเจ้าของห้องออกมาจากลิฟต์ ร่างสูงยาวคอพับคออ่อนเสียจนคนเป็นแขกต้องประคองจนถึงหน้าประตู
“ถึงแล้วค่ะ ไขห้องไหวมั้ย”
“ไหวสิ!” บีเถียงทันควันแล้วหยิบกุญแจขึ้นไขพาทั้งสองร่างเข้ามาในห้อง “ฉันแค่เมา ไม่ได้พิการนี่คะ”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร เป็นห่วงคุณต่างหาก” คริสพูดพลางมองไปรอบๆ ห้องนอนขนาดไม่กว้างนักตกแต่งด้วยสีขาวล้วน และบนฝ้าเพดานมีกล่องอินเนอร์เน็ตขึ้นสีแดงเด่นอยู่บ่งบอกว่าสัญญากำลังมีปัญหา "ไวไฟเสียจริงๆด้วย" หล่อนหัวเราะ หันไปมองเจ้าของห้องที่นั่งฟุบหัวพิงขอบเตียงอย่างอ่อนเพลีย "อย่าเพิ่งหลับสิคะ อยากให้ฉันมานอนด้วยเฉยๆหรือไงกัน"
"ก็เหนื่อย เมาด้วย" ฝ่ายนั้นบ่นง้องแง้ง "ง่วงอะ เตียงมันนุ่ม"
"แล้วปากฉันไม่นุ่มหรอคะ?" คริสแกล้งแหย่ ดึงตัวคนใกล้หลับขึ้นมาแล้วกดไหล่บางแนบลงบนเตียง หล่อนเท้าแขนเอาไว้ให้ตัวเองอยู่ด้านบน ก่อนจะใช้ลิ้นอุ่นๆตวัดเลียตรงใบหูอีกคนเล่นจนเธอสะดุ้ง
"ฮื้ออ คุณคริส!"
"โอเคค่ะ ในเมื่อคุณง่วง—ฉันก็จะทำให้คุณหายง่วงเอง"
บีเพิ่งสังเกตุ เอาจริงๆก็คงเป็นเพราะเพิ่งรู้สึกตัวตื่น ร่างเล็กบอบบางในชุดเดรสสีดำตรงหน้า—หล่อนไม่ได้ใส่บรา ยิ่งคริสโน้มตัวลงมาหาเธอ คอเสื้อแหวกกว้างยิ่งคว้านลึกไปจนเห็น-อะไรๆ-ของเจ้าตัวเสียหมด
ซ่อนรูปชะมัด..
"มองหน้าอกฉันทำไมคะ โรคจิตนะเรา" เหมือนจะจ้องนานไปหน่อยจนฝ่ายนั้นรู้ตัว บีเลยได้แต่ยิ้มแหยส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
"อยากมองก็ได้ ไม่ว่ากัน—แต่.." คริสไล่นิ้วไปตามใบหน้าคมไล่ลงมาที่สันกราม แล้วไล่ลงมาเรื่อยๆจนถึงเนินอก มือเรียวแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตช้าๆดึงมันออกไปจากตัว ก่อนจะดึงสายเดี่ยวตัวเองลงข้างหนึ่งให้ชุดหมิ่นเหม่จวนจะหลุด "..ให้ฉันเห็นของคุณด้วยนะคะ.."
หล่อนปลดบราเซียลูกไม้สีดำสนิทของบีออกเป็นอย่างต่อมาพร้อมกับสายเดี่ยวอีกข้างที่หล่นตาม ฝังใบหน้าตัวเองลงกับทรวงอกขนาดพอดีตัวแล้วดูดดึงอย่างหยอกล้อ คนนอนราบเลยได้แต่ตัวสั่นเมื่อปลายลิ้นซุกซนสัมผัสส่วนอ่อนไหวไม่หยุดหย่อน คริสจูบเธอไล่ตั้งแต่หน้าผากลงมาถึงกลางลำตัว เขี้ยวเล็กๆฝังลงบนเนื้อเนียนจนเป็นรอยแดงจ้ำกระจายทั่ว—บีเอาแต่เม้มปากกลั้นเสียงทั้งที่ทรมานเต็มทน
"ร้องออกมาเถอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง"
“อึก ไม่เอา..น่าอายจะตายไป....อ๊ะ!” เสียงทุ้มขาดช่วงก่อนจะหลุดครางออกมาในท้ายประโยคเมื่อปลายลิ้นซุกซนแตะเข้ากับยอดอกสีหวานอย่างไม่ทันตั้งตัว หล่อนใช้มือเคล้าคลึงทรวงอกอีกข้างไปพร้อมกันจนเธอเผลอหวีดร้องออกมา คริสครางพอใจในลำคอ ส่วนมือข้างที่ว่างอยู่ทำหน้าที่เลื่อนต่ำลงปลดซิปกางเกงยีนส์ช้าๆจนมันหลุดออกจากตัว
บีเหลือเพียงแค่กางเกงชั้นในตัวเดียวปกปิดร่างกาย ในขณะที่เดรสสั้นของคริสเองก็หลุดล่นลงมากองที่เอว
สภาพไม่ต่างกันเท่าไหร่
“ฉันจะถนอมคุณ—ฉันสัญญา” เอ่ยหนักแน่นทั้งเสียงหอบ ก่อนจะโน้มลงจูบกลีบปากชมพูระเรื่อแผ่วเบา ไล่ลิ้นอุ่นร้อนกวาดชิมความหวานในโพรงปาก ผละออกเว้นจังหวะให้หายใจแล้วเริ่มต้นใหม่ซ้ำๆ คริสเอาแต่หยอกเย้าเธอด้วยการสอดนิ้วเรียวคลึงวนอยู่กลางลำตัวแล้วชะงักออก
“..เข้ามาเถอะค่ะ..อา ได้โปรด คุณคริส..” คนอยู่ใต้ร่างเชิดหน้ากัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์ บีปรือตา หอบหายใจถี่จวนเจียนจะไม่รับรู้สิ่งใด
“—อ๊า!” หลุดเสียงครางออกมาดังลั่นเมื่อปลายนิ้วแทรกเข้ามาในตัวอย่างเร็วและแรง
บีเม้มปากแน่น ค้างเกร็งอยู่แบบนั้น เจ็บจนแทบลืมหายใจไปชั่วขณะ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าน้ำใสๆไหลออกมาจากตาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่เอาไม่ร้องไห้สิ” ริมฝีปากอิ่มแนบลงกับใบหน้าอีกครั้ง
คราวนี้หล่อนจูบซับน้ำตาเธอแล้วลากวนมาที่ริมฝีปากเบนความสนใจจากกลิ่นเลือดที่คาวคละคลุ้ง ความอ่อนโยนที่ได้รับเลยแบ่งเบาความเจ็บลงนิดหน่อย
“ฉันแพ้น้ำตาเด็กรู้ไหม... ทนหน่อยนะ
แค่มดกัด”
“บ้า—มดที่ไหนกัดตรงนี้เล่า!” บีโวย
“บอกกี่ทีแล้วว่าไม่ใช่เด็ก
เปลี่ยนมุกเถอะค่ะ”
“อ้าว ไม่มุกหรอ” คริสหัวเราะ แช่นิ้วเอาไว้ให้อีกคนปรับตัวซักพักแล้วจึงค่อยขยับเข้าออกช้าๆปล่อยให้ร่างกายทำตามที่อยากทำ หล่อนส่งเสียงครางแผ่วในลำคอยามที่เล็บยาวของอีกคนจิกลงบนแผ่นหลังระบายอารมณ์
"งั้นมดไม่กัดก็ได้" พูดพลางขบฟันลงบนท้องขาวเนียนของอีกคน "คริสกัดเอง"
บีเกร็งหน้าท้อง มือกำผ้าปูที่นอนจนยับยู่ไปหมด สะโพกยกขึ้นตามแรงกระหน่ำจากด้านล่าง ก่อนบ่นออกมาเสียงแผ่ว "..หื่น.."
"เรียบร้อยเกินไปมันน่าเบื่อนี่คะ ฉันเป็นแบบนี้...สนุกกว่าตั้งเยอะ"
คริสพูดทั้งที่ปากยังวนเวียนอยู่ตรงเนินอกพร้อมกับเร่งจังหวะมือถี่รัวขึ้น นิ้วเรียวถอนออกสุดปลายแล้วสอดเข้าไปอีกรอบแม้ร่างบางจะหลุดเสียงหวานทุกครั้งที่หล่อนขยับ ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ เพิ่มความรัวเร็วจนเธอเกร็งกระตุก บีเชิดหน้าแล้วหวีดร้องสุดเสียง ผมยุ่งไม่เป็นทรงแผ่กระจายยามเธอเอนหัวลงกับหมอน หอบหายใจถี่รัว
"..อือ..คริส.." บีเรียกชื่ออีกฝ่ายแผ่วเบา "คุณคริส.." ใบหน้าแดงระเรื่อ เหมือนสมองปิดกั้นการรับรู้ชั่วคราว ทุกอย่างขาวโพลนไปหมด ครามรู้สึกถูกปลดปล่อยพร้อมกับบางอย่างที่เธอเสียไป—หรือไม่ก็อาจกำลังจะได้มา ตาฉ่ำปรือทอดมองภาพตรงหน้า เลือนลางเหลือเกินด้วยหยาดน้ำใสบนม่านตา บีเลยรวบรวมแรงที่เหลืออยู่น้อยนิดยกมือสั่นๆของตัวเองขึ้นปาดน้ำตาแล้วมองคนตรงหน้าใหม่อีกครั้ง คริสส่งยิ้มมาให้เธอเหมือนเคย หล่อนทิ้งตัวลงนอนข้างเธอพลางเท้าคางหันหน้ามามอง
สายตาวาววาบราวกับหมาป่าในบทรักเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยแววตาอบอุ่น
แม้บีจะเห็นความลุ่มหลงและเจ้าเล่ห์เล็กๆสะท้อนออกมาจากดวงตาสีนิลนั้นก็ตามที
เลยตัดสินใจถามออกไปตรงๆ "มองอะไรคะ"
"กำลังคิดอยู่ค่ะว่าเวลาคุณหมดแรงแบบนี้...มันน่ามอง" คริสดึงมือเธอไปกุม ลูบไล่ไปทีละนิ้วพลางพูดต่อ "เหมือนเสือสิ้นฤทธิ์"
"ก็ไม่มีฤทธิ์ตั้งแต่แรกแล้วนี่"
"ไม่จริง" หล่อนเถียง ยกยิ้มน้อยๆที่มุมปาก
"คุณสิ้นฤทธิ์—ด้วยมือฉันต่างหาก"
"นี่คุณ!" โดนอีกคนฟาดเข้าที่ไหล่ทันทีที่ประโยคสองแง่สองง่ามนั้นจบลง มันไม่เจ็บเท่าไหร่นักเพราะบีไม่มีแรงพอ ได้แต่นอนนิ่งๆให้อีกคนแกล้งเล่น บีเลยบ่นเบาๆแต่จงใจให้คนฟังได้ยิน "..ตกลงแล้วคุณเป็นคนยังไงกันแน่.."
"อยากรู้หรอคะ" ฝ่ายนั้นสวนกลับ
"ค่ะ ต่อให้ฉันอาจจะไม่ได้เจอคุณอีกเลย" เธอหลบสายตา หน้าเจื่อนลงนิดหน่อย
"แต่ฉันเชื่อว่าเราจะได้เจอกันอีก" คริสยิ้ม แววตานิ่งจนเดาไม่ออกว่าคิดอะไรในใจ ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมร่างบางไว้อีกครั้ง ครั้งนี้ทุกการกระทำเป็นไปอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน
"มีเวลาเหลืออีกตั้งนานก่อนเราจะจากกัน"
.
.
"อีกครั้ง...ได้ไหม"
บีตื่นขึ้นมาในเช้าวันอาทิตย์—ตามจริงมันก็ไม่เช้าเท่าไหร่นักเพราะนาฬิกาปลุกหัวเตียงบอกเวลาสิบโมงกว่า ความเจ็บปวดบริเวณส่วนล่างเป็นความรู้สึกแรกที่แล่นเข้ามา ยันตัวลุกขึ้นด้วยความยากลำบาก ปวดหนึบที่ขมับและช่วงเอวไปพร้อมๆกันจนต้องล้มตัวลงนอนต่อ กวาดสายตาไปรอบๆอย่างคนไม่ตื่นดีนัก
หันมองไปข้างกายก็เจอแต่ความว่างเปล่า
หมดเวลา
คุณไปแล้วจริงๆ...
มือแนบกับเตียงด้วยความรู้สึกโหวงๆในใจ บอกไม่ถูกว่าตัวเองกำลังรู้สึกยังไง แม้จะตกลงกันไว้แล้วว่าความสัมพันธ์และสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเป็นแค่วันไนท์สแตนด์ -แค่ผ่านมาพบกันแล้วจากไป- แต่บีกลับรู้สึกมากไปกว่าเส้นนั้นที่ขีดไว้
บอกไม่ถูก—รู้สึกดีกับทุกสัมผัสที่หล่อนให้มา
อาจจะเพราะคริสเป็นคนแรกของเธอ
แค่เสียดาย...เสียดายล่ะมั้ง
เลิกคิดเรื่องหนักหัวแล้วยันกายขึ้นลุกใหม่ กัดริมฝีปากแน่นฝืนความเจ็บแปลบที่รู้สึกทันทีที่ขยับ ไล่สายตาสำรวจตัวเอง รอยแดงยังเป็นจ้ำอยู่ทั่วตัว แต่ร่างกายกลับสะอาดและอยู่ในชุดใหม่เรียบร้อยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เดาว่าคริสคงทำให้ตอนเธอเผลอหลับไป คิดแค่นั้นมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนสติจะกลับเข้าในวินาทีต่อมา
บีส่ายหน้าแรงๆให้กับตัวเอง
หยุดเพ้อเจ้อเถอะน่า
หวังอะไรกับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนแบบนี้
กว่าจะลุกขึ้นจากเตียงได้ก็เกือบสิบนาที เดินกะเผลกขาเปิดประตูออกนอกห้องนอนแล้วเดินตรงไปยังโซนห้องครัว ตัดสินใจหาอะไรทำกินเองก่อนด้วยเพราะไม่มีแรงพอจะเดินลงไปข้างล่างซื้อขึ้นมากิน โชคดีที่มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอยู่บนตู้ มาม่าซองเลยพอประทังชีวิตตัวเองไปได้อีกมื้อหนึ่ง
ทุกอย่างเป็นไปอย่างยากลำบากเมื่อสภาพร่างกายไม่พร้อม น้ำร้อนเกือบลวกมือตอนเธอถือจานมาม่าเดินมาวางที่โต๊ะหน้าทีวี หย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาช้าๆพลางหลับตาแน่นเม้มปากกลั้นเสียงเจ็บ กินไปซักพักถึงได้เหลือบไปเห็นว่าโน๊ตบุ๊คตัวโปรดยังตั้งอยู่ที่เดิม บีวางตะเกียบลง ละจากการจัดการมื้อเช้าแล้วขยับตัวไปทำท่าจะหยิบมันมาไว้กับตัว
แต่กลับมีบางอย่างแปลกไปจากเดิม
โพสต์อิทสีเหลืองสะท้อนแสงที่ปกติวางอยู่หน้าทีวีถูกแปะอยู่บนฝาพับโน๊ตบุ๊ค มีลายมือหวัดๆที่ไม่ใช่ของเธอเขียนเอาไว้เพียงไม่กี่ประโยค กระดาษซ้อนทับๆกันอยู่เป็นปึก เธอตัดสินใจวางเครื่องลงแล้วหยิบมันขึ้นมาไล่อ่านทีละแผ่น
' WIFI-USERNAME : YOURFIRSTCRIS
PASSWORD : 5072311 '
บีขมวดคิ้ว ชื่อและรหัสที่ไวไฟห้องของใครซักคนปรากฎอยู่ในแผ่นแรก ที่สะดุดตายิ่งกว่านั้นคงเป็นคำว่าCRISในชื่อ อาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ เธอแอบแย้งกับตัวเองว่าคนชื่อคริสคงไม่ได้มีคนเดียวในโลก
ก่อนจะดึงแผ่นแรกแปะเอาไว้กับผนังแล้วก้มลงอ่านแผ่นต่อมา
คราวนี้มันเป็นภาษาไทย—โดยลายมือเดิม
' ยาแก้ปวดอยู่ในถุง กินซะจะได้หายเจ็บไวๆ '
และสิ่งที่เธอคิดไว้ในใจเริ่มเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นไปอีก บีมองเลยไปสุดโซฟา ถุงยาอยู่ตรงนั้นจริงๆอย่างที่เขียนบอกไว้ หัวใจเจ้ากรรมเผลอเต้นระรัวอย่างกังวล
..ใครกันล่ะที่จะรู้ว่าเธอเจ็บ ถ้าไม่ใช่หล่อน..
' เห็นว่าไวไฟคุณเสีย และฉันเองก็ไม่ใช่คนใจดำอะไร '
' ถ้าไม่รังเกียจ ใช้ไวไฟห้องข้างๆก่อนได้นะคะ '
ตอนนี้โน๊ตบุ๊คหรืออาหารเช้าไม่ได้อยู่ในความสนใจเธอแม้แต่นิดเดียว
สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือเจ้าของโพสต์อิทพวกนี้ต่างหาก
' ไม่ต้องเกรงใจว่าคุณจะแย่งไวไฟฉันใช้ กลางวันฉันนอน ไม่ค่อยได้ใช้หรอก '
' ฉันทำงานกลางคืน อืมม เจ้าของผับที่คุณเที่ยวเมื่อวานนั่นแหละค่ะ '
มือบีสั่นขึ้นมาดื้อๆ แต่ก็ยังตัดสินใจอ่านต่อ
' แล้วก็...ขอบคุณสำหรับเมื่อวาน '
' ขอบคุณที่ยอมให้ฉันเป็นคนแรกของคุณ '
บีอ่านไล่มาจนถึงแผ่นเกือบสุดท้าย สมองเริ่มประติดประต่อทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งหญิงสาวลึกลับข้างห้องและผู้หญิงเดรสดำที่อยู่กับเธอตลอดคืนก่อน มันคงเป็นเรื่องบังเอิญที่โชคดีที่สุดในชีวิตบี
—หล่อนคือคนเดียวกัน—
แทบจะวิ่งไปเคาะประตูห้องถัดไปเสียตอนนั้น ความดีใจมีมากกว่าความตกใจ มือบางดึงแผ่นก่อนหน้าแปะไว้ที่ผนังแล้วกวาดตาไล่มองแผ่นสุดท้าย ข้อความในแผ่นเขียนไว้ประโยคสั้นๆพร้อมกับรอยจูบสีเชอร์รี่ของเจ้าตัวตรงมุมกระดาษ
รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้าทันทีที่อ่านจบ
' Kiss me free Wi-Fi
but next time
i hope
Cris me free girl-friend '
' หวังว่าเราจะได้เจอกันอีก เร็วๆนี้นะคะ :P '
คริส
ผู้หญิงกลางคืน และไวไฟฟรีข้างห้อง
#คริสบีฟรีไวไฟ
_________________________
รีดฟิคมีฟรีเอ็นซีนะคะ ฮี่ย์
ปล.1 ย้ำอีกรอบว่าไม่ต้องแปะเมลล์ อย่ากดแบนก็พอ ฮือ555555
ปล.2 ฝากบอกน้องบีด้วยค่ะว่าเลิกเด๋อเมื่อไหร่เราจะกลับไปแต่งบีคริส!
ปล.3 อยากใช้ไวไฟคุณคริสมั่งต้องทำยังไงคะ._. #โดนน้องบีตบ
ผลงานอื่นๆ ของ fmai_ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ fmai_
ความคิดเห็น